ผลที่ได้ไม่ต่างกันหรอกครับ เพราะการวิ่งจะเป็นลักษณะช้าสลับเร็วเหมือนกัน ขอให้ฝึก
เถอะครับก็ได้ผลเหมือนกันนะครับ แต่ สิ่งที่ต่างกันก็คือ intervals จะมีกำหนดเวลาและ
ระยะทาง รวมทั้งเวลาพักที่แน่นอน จึงทำให้ผู้ฝึกคำนวณกำลังตัวเองและรับรู้ถึงผลการ
ฝึกได้ดีกว่า เช่น ปกติเคยลงintervals เวลาขนาดนี้ เหนื่อยมาก แต่ ตอนนี้ฝึกหนักกว่า
กลับทำเวลาได้เท่ากันแต่เหนื่อยน้อยลง ทั้งที่ปัจจัยต่าง ๆ คล้ายกัน เป็นต้น ครับ
ขอให้ทำเถอะครับ ได้ผลทั้งสองอย่างนั่นแหละครับ มีช้ามีเร็ว มีหนักมีเบา มีพักบ้าง
ยืดเส้น วอร์มอัพ คลูดาวล์ ดื่มน้ำ ก็จะเป็นนักวิ่งที่ เร็วได้ สุขภาพดี และที่สำคัญโอกาส
การได้รับบาดเจ็บก็น้อย
ขอบคุณครับ
อ.เบญ
fartlek รูปแบบค่อนข้างอิสระ จึงเป็นไปได้ที่บางคนอาจฝึกอ่อนไปหรือหนักไปก็ได้ เช่น พอรู้สึกเหนื่อยสักหน่อย ก็ไม่อยากต่อแล้ว เป็นต้น นักวิ่งจึงควรมีประสบการณ์ในการฝึกแบบอินเตอร์วาลมาก่อนจะได้รู้ว่าควรฝึกแค่ไหน
ส่วนอินเตอร์วาลจะกำหนดรูปแบบล่วงหน้าตายตัว แต่ก็เป็นไปได้ที่อาจจะกำหนดอ่อนไปหรือหนักไปได้เช่นกัน เช่น ไปเอาตารางซ้อมคนอื่นมาโดยไมได้ปรับให้เข้ากับตัวเอง หรือบางวันร่างกายอาจจะไม่พร้อมนัก ถ้าไปยึดตามตารางที่กำหนดมาล่วงหน้า ก็อาจจะหนักไปสำหรับวันนั้นได้ เป็นต้น
ผลจะแตกต่างไหม ก็คงจะขึ้นอยู่กับซ้อมอย่างไรมากกว่า ถ้าอ่อนไปหนักไปก็ไม่ดีทั้งนั้น ให้หาความพอดีให้ได้ครับ ถ้าพอดีแล้ว ซ้อมแบบไหนก็ดีทั้งนั้นครับ
อ.กฤตย์
อยากเสริมว่า ไม่ว่าคุณจะฝึก Speed Works ที่เป็น Fartlek หรือ Interval (ในที่นี้คงหมายถึงคอร์ท) ควรจะใส่ใจในข้อปฏิบัติในการฝึกเพื่อให้เป็นไปอย่างราบรื่นปลอดภัยและลดเสี่ยงบาดเจ็บ เช่น
อย่างบันยะบันยังเหมือนกัน
อย่างรับน้ำให้พอเพียงเหมือนๆกัน
อย่างค่อยๆปรับเพิ่มองศาดีกรีทีละนิดเหมือนกัน
อย่างสังเกตอาการที่หากมีสิ่งที่ผิดปกติสมควรหยุด และเสริมวันพัก และวันเบาเข้าไปในแผนฝึกมากขึ้น อย่างปราศจาก guilty เหมือนกัน
ฯลฯ
สิ่งที่นักวิ่งนิยมนำมาอภิปรายกันมากก็คือ การฝึก Speed Works แบบไหนน่าจะได้ผลดีกว่ากัน สุดท้ายไม่ว่าใครจะเลือกแบบไหน หลายคนก็มักจะฝึกผิดพลาดที่ปราศจากการเตรียมตัวก่อนและหลังฝึกที่ถูกต้องเหมาะสมครับ
แสดงความคิดเห็นของคุณ