วิ่งนี่มันอยู่ที่ใจ..

หลังซ้อมประจำวันเสร็จ ระหว่างยืดเส้นบทสุดท้าย หมู่เพื่อนวิ่งก็จะสนทนากันก่อนกลับบ้าน ที่เกือบทั้งหมดจะวนเวียนอยู่เกี่ยวกับเรื่องวิ่งทั้งนั้น

วันนี้ก็เช่นกัน เป็นปกติ

“วิ่งเนี่ยะ….มันอยู่ที่ใจจริงๆ นะ” เสียงหนึ่งเริ่มแสดงความคิดเห็น

สำหรับผู้เขียน ฟังดูแล้ว คุ้นหู ได้ยินหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ได้กล่าวเสริมอะไร

“ใช่..มันอยู่ที่ใจจริงๆ” อีกคนสำทับ แสดงความเห็นที่สอดคล้อง ที่แม้แต่ผู้เขียนก็ไม่สามารถ ปฏิเสธความจริงข้อนี้ได้

แต่บทสนทนาฉากนี้ ยังวนเวียนอยู่ในครรลองครุ่นคำนึงและไตร่ตรอง ของผู้เขียนอยู่อีกนาน แม้ว่า ทั้งกลุ่มจะกลับไปบ้านนานแล้ว

ที่ผู้เขียนตกหล่มทางความคิด ไม่ได้ไปไหนต่อ ด้วยว่า นอกจากเห็นด้วยแล้ว ยังมีคำว่า “แต่” ที่นอกจากจะไม่ใช่ “ใจ” แล้ว ยังเป็นอะไรที่ตรงข้ามอีกด้วย ดังนั้นคำว่า “มันอยู่ที่ใจ” จึงมีอะไรที่น่าพิจารณาให้ถี่ถ้วน ดังที่ผู้เขียนปรารถนาให้เราได้ใคร่ครวญกัน

ใจที่กล้าลุย ไม่ประหวั่นพรั่นพรึงในอันตรายหรือความยากลำบาก เป็นลักษณะทางคุณธรรมเสมอในทุกชาติ , ทุกวัฒนธรรม ต่างสรรเสริญภาวะจิตใจเช่นนี้ ไม่มีใครสงสัย

แต่ในบางครั้งเราจำต้องประคับประคองให้ใจที่ว่านี้ เกาะติดอยู่ที่ความกล้าหาญ ไม่เตลิดเปิดเปิงไปต่อจนสุดปลายโต่ง คือ “ความบ้าบิ่น” ณ ตรงนั้นนอกจากจะไม่ใช่คุณธรรมแล้ว มันจะเพี้ยนเป็น “อคุณธรรม” ไปเสียเลย

ผู้ปกครองที่กล้าตัดสินใจ คือ คุณธรรมที่ประชาชนต้องการ แต่ไม่ใช่กล้ามากจนสุดปลายที่ “เผด็จการ”

“ รัก ” คือมั่นคง แต่ “ หลง ” ไม่ยั่งยืน

ในบางด้าน พวกเรานักวิ่ง ต้องยอมรับว่า “การที่ต้องหักใจไม่วิ่ง” คือ “ใจ” ที่ต้องฝืนทำในสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าการประฝีมือที่ฝืนความเหนื่อยไปจนถึงที่สุด เพื่ออะไรที่ยิ่งใหญ่และสำคัญกว่า

เมื่อเราบาดเจ็บจากการวิ่ง ที่ไม่มีใครเลือกที่จะเจ็บ
แต่เมื่อมันเจ็บ เราก็ต้อง “พัก”
ต้องหยุดตามเหตุผลที่สำคัญกว่า คือ “สุขภาพ” ที่เป็นเป้าหมายใหญ่

เบื้องต้นที่ทำให้เราเข้ามาในวงการวิ่ง เรื่องนี้สำคัญมาก
เพราะมีหลายคนที่วิ่งแล้ว ต้องเลิกไป ต่อเนื่องการวิ่งไม่ได้ คือ วิ่งไม่ถึงแก่

จะเอาใจเข้าแลก สู้ตาย อย่างผิดกาละเทศะ ก็คงได้ตายสมใจ
ทำไมผู้เขียนจะไม่รู้สึกรู้สาว่าพวกเรารู้สึกอย่างไร มันเป็นนักวิ่ง คนมันติดวิ่ง แล้วจู่ๆก็ไม่ได้วิ่ง จะใช้คำว่า “อึดอัด” มันแรงไม่พอ ต้องเป็นอะไรที่ “โคตรจะอึดอัด” ผู้เขียนก็เป็นคนวิ่ง ซาบซึ้งดีครับ แต่บางครั้ง จะเรียกว่าอะไรดีล่ะ เป็นการเอาเหตุผลเข้าข่ม หรือพูดอีกอย่างว่า เอาใจนี่แหละเข้าสู้ ไม่ใช่ใจที่สู้ตาย แต่เป็นใจที่ระงับวิ่ง ใจที่กำหนดความพลุ่งพล่านให้สงบ ใจที่ปลอบโยนความหงุดหงิดให้จางคลาย ใจที่รู้จักอดทน และรอคอย ที่สำคัญคือ ใจที่กล้าลงนั่งพิจารณาสรุปบทเรียนที่ตัวเองผิดพลาดอย่างไรถึงได้ต้องมานั่งจับเจ่า วิ่งไม่ได้อย่างนี้

ถ้าปราศจากบทเรียนครั้งนี้ เราก็จะพร้อมผิดอีกในครั้งต่อไป ทำอย่างไร การอดวิ่งครั้งนี้จะสั้นที่สุด และเป็นครั้งสุดท้าย

…………………………………จบแล้ว…………………………………………

ปัจจุบันหนังสือวิ่งกับกฤตย์ ทองคง มี 5 เล่ม

เล่มที่ 1 ราคา 120 บาท

เล่มที่ 2 ราคา 180 บาท

เล่มที่ 3 ราคา 180 บาท

เล่มที่ 4 ราคา 180 บาท

ราคาขายปลีกเล่มละ 220 บาท (เล่ม 5 เท่านั้น)

สั่งซื้อทางไปรษณีย์ธนานัติลงทะเบียนเหมือนเดิมที่

กฤตย์ ทองคง (ทองคง ไม่ใช่ คงทอง)

72 / 60 หมู่ 1 ซอยคุณย่า ข้างสำนักงานพัฒนาที่ดิน ถนนโกสีย์ ต.นครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ 60001

อ่านตัวอย่างแล้ว..อยากได้ของจริง…เชิญเลย

0
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณได้นะครับx
X